ในประเทศ

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ตอกผู้ว่า กทม.หยุดวาทกรรม “ห้ามแต่งตัวโป๊” โยนบาปเหยื่อถูกลวนลามทางเพศ

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ตอกผู้ว่า กทม.หยุดวาทกรรม “ห้ามแต่งตัวโป๊” โยนบาปเหยื่อถูกลวนลามทางเพศ ปล่อยคนผิดลอยนวล จี้ ออกกฎคุมเข้ม ประสาน ตร.-พม. จับตากลุ่มมีพฤติกรรมเสี่ยง ตั้งศูนย์รับเรื่อง พร้อมอำนวยความสะดวกทางกฎหมาย

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566  – นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  กล่าวว่าจากกรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ กทม. 2566 “สืบสานวิถีไทย ร่วมใจสู่สากล” โดยระบุว่าให้การขายและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ห้ามเล่นแป้ง และกระบอกฉีดน้ำแรงดันสูงนั้น ในประเด็นเหล่านี้ตนไม่ติดใจอะไร แต่ที่ติดใจและผิดหวังมากคือการที่ผู้ว่าฯ ได้เน้นย้ำว่าห้ามแต่งตัวโป๊ วาบหวิวเล่นสงกรานต์ เพราะเสี่ยงที่จะถูกคุกคามทางเพศ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัวโป๊ หรือวาบหวิวเลย แต่สาเหตุที่แท้จริงของการคุกคามทางเพศ มาจากอำนาจที่เหนือกว่าของผู้กระทำ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์จะเห็นผู้กระทำมักจับกลุ่มกันทำพฤติกรรมลวนลามทางเพศ และส่วนใหญ่มีอาการมึนเมา เช่น การแตะเนื้อต้องตัว ใช้แป้งเป็นข้ออ้างเข้าไปสัมผัสอวัยวะต่าง ๆ  ของผู้ถูกกระทำไม่ว่าจะแต่งตัวอย่างไร อายุเท่าไหร่ ก็ถูกคุกคามทางเพศได้ จุดนี้เราขอยืนยัน 

“มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และภาคเครือข่ายได้ร่วมกับ กทม. ในการณรงค์ ป้องกันอย่างเข้มข้น ไม่ให้มีปัญหาการคุกคามทางเพศในพื้นที่เล่นน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์มากว่า 10 ปี และทุกๆ ครั้ง ข้าราชการประจำของ กทม. ตลอดจนผู้ว่าฯ ยังเสนอวาทกรรมซ้ำๆ คือห้ามแต่งตัวโป๊ แต่ปัญหาก็ยังมีให้เห็นตลอด แล้วทางมูลนิธิฯ ก็เคยท้วงติงไปหลายครั้ง ปีล่าสุดนี้กลับยังใช้วาทกรรมเดิมๆ เสมือนเป็นการโยนความผิดใส่ผู้ถูกกระทำ แล้วปล่อยคนผิดลอยนวล ผมคิดว่าควรเลิกวาทกรรมห้ามแต่งตัวโป๊เสียที” นายจะเด็จ กล่าว

ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  กล่าวต่อว่า สิ่งที่กทม.ควรทำเพื่อให้เทศกาลสงกรานต์เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และผู้ร่วมงานมีความปลอดภัย คือออกกฎห้ามการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ ทุกเพศสภาพ รณรงค์ให้ช่วยกันเฝ้าระวัง  ป้องกันกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ มากกว่าการที่จะมาออกกฎควบคุมคนที่ถูกกระทำโดยการห้ามแต่งตัวโป๊  และ กทม.ควรประสานหน่วยงานรัฐ เช่น ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้คอยเฝ้าระวัง และลงโทษผู้ที่กระทำการละเมิด จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุไม่พึงประสงค์ในพื้นที่เล่นน้ำ หรือจัดกิจกรรม ตลอดจนการอำนวยความสะดวกหากผู้เสียหายต้องการใช้สิทธิในทางกฎหมาย