เครือข่ายภาคประชาชน บุกรัฐสภา ยื่นคัดค้านเปิดบ่อนพนัน
เครือข่ายภาคประชาชน บุกรัฐสภา ยื่นคัดค้านเปิดบ่อนพนัน ยกผลสำรวจความเห็นประชาชน ชี้ชัดไม่เอาบ่อนพนัน สร้างผลกระทบมหาศาล หวังผู้ทรงเกียรติเป็นที่พึ่ง พิจารณาอย่างรอบคอบ
วันที่ 28 มีนาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา เครือข่ายภาคประชาสังคมจาก 16 จังหวัด (จังหวัดนครราชสีมา กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย อุดรธานี เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สระบุรี ชลบุรี พัทลุง สงขลา และกรุงเทพมหานคร) กว่า 30 คน ยื่นหนังสือถึง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ
เพื่อแสดงจุดยืนและความห่วงใยการที่สภาผู้แทนราษฎร กำลังจะพิจารณารายงานผลการศึกษา พร้อมร่างกฎหมายเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งเสนอโดยคณะกรรมาธิการศึกษาการเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 มีนาคมนี้
นายบุญสืบ พันธืประเสริฐ เครือข่ายภาคประชาสังคมจากจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับการขยายตัวและอิทธิพลของเว็บพนัน ที่ส่งผลต่อความขัดแย้งของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จนนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้ายทั้งสองท่านมาประจำการที่สำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงการทลายบ่อนพนันขนาดใหญ่ที่จังหวัดนนทบุรี ที่นำมาสู่การแสดงความเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทำนองเห็นด้วยกับการทำให้แหล่งพนันผิดกฎหมายเหล่านี้ถูกกฎหมาย สอดรับกับที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังมีความพยายามเสนอให้ประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมาย หลากหลายขนาดทั้งขนาดใหญ่มาก ขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสเข้ามาอยู่ใกล้เขตเมืองและชุมชนมากขึ้น
เครือข่ายฯ จึงสอบถามความเห็นจากประชาชนต่อความเห็นชอบและความเชื่อมั่นของประชาชนในเรื่องนี้ ในช่วงวันที่ 23-25 มีนาคม ที่ผ่านมา มีประชาชนตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 2,716 ราย สรุปผลได้ดังนี้
1.กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 85.6 ไม่เอาด้วยให้มีกาสิโนหรือบ่อนการพนัน มาเปิดในจังหวัด ในอำเภอ หรือใกล้ชุมชนของตน
2. ร้อยละ 88.92 ไม่เชื่อมั่นว่าภาครัฐ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกระทรวงมหาดไทย จะสามารถดูแลไม่ให้บุคคลและธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพลและมือปืน หรืออื่นๆ เข้ามาข้องเกี่ยวกับแหล่งพนันเหล่านั้น
3. ร้อยละ 90.28 ไม่เชื่อมั่นว่าบ่อนพนันเหล่านี้จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่ไม่เหมาะสม เช่น ผู้มีปัญหาการเงิน ผู้ติดพนัน และเด็กเยาวชน เข้าเล่นพนัน
4. ร้อยละ 83.84 ไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่า สามารถเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างมากมาย หากให้มีแหล่งพนันถูกกฎหมาย สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนไม่ต้องการให้พื้นที่ของตนเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหากมีแหล่งพนันมาอยู่ในพื้นที่ และไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะได้ผลประโยชน์คุ้มค่า
นายศรัทธา ปลื้มสูงเนิน เครือข่ายภาคประชาสังคมจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่าภาคประชาสังคม เข้าใจดีว่ารัฐบาลมีความหวังว่าการมีกาสิโนภายใต้สถานบันเทิงครบวงจรจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และดึงดูดให้เกิดการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้สูงจากต่างประเทศและในประเทศ แต่ก็อาจจะต้องแลกด้วยปัญหาสังคม และอาชญากรรม เรื่องนี้จึงควรต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้ได้ประโยชน์ดังหวังและไม่เกิดโทษตามมา จึงมีข้อเสนอต่อท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ ผ่านไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ดังต่อไปนี้
1. ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และรัฐบาลคำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต หากตัดสินใจกระทำการโดยขาดความรอบคอบ ขาดการศึกษาอย่างรอบด้าน และขาดมาตรการที่รัดกุม การตัดสินใจในครั้งนี้อาจเป็นการสร้างมรดกบาปแก่อนุชนคนรุ่นหลังให้ต้องอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นผู้สร้างแต่กลับต้องเป็นผู้รับผลกระทบที่เลวร้าย
2. ขอให้ประธานกรรมาธิการฯ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังรายงานความห่วงใยของประชาชนข้างต้น และหวังว่ารัฐบาลจะรับฟัง เพื่อแสวงหามาตรการที่นำมาสู่การเกิดความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างสูงที่สุด หากตราบใดยังไม่สามารถหาแนวทางและวิธีการที่ดีพอได้ ประชาชนก็มิอาจเห็นชอบให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ได้ ทั้งนี้เครือข่ายภาคประชาสังคมจะเฝ้าติดตามการดำเนินการของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
3. ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ประชาพิจารณ์ สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่าง โดยการให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน จากงานศึกษาวิจัยทางวิชาการที่เป็นกลาง และมีความน่าเชื่อถือ และมีกระบวนการรับฟังความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ ด้วยฝ่ายจัดการที่เป็นตัวแทนของภาคประชาชน
เครือข่ายภาคประชาสังคมจาก 16 จังหวัด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล จะตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยวุฒิภาวะ ไม่คำนึงเพียงผลประโยชน์ระยะสั้น หรือผลประโยชน์เฉพาะบุคคลบางกลุ่มบางพวก และขอให้ตระหนักเป็นที่ยิ่งว่าการเพิ่มแหล่งการพนัน แม้จะเป็นแหล่งถูกกฎหมายก็ตาม อาจตามมาด้วยปัญหาและผลกระทบที่มากมายเกินกว่าจะประเมินค่าได้ แม้สถานบันเทิงครบวงจรอาจสร้างผลกำไรและรายได้แก่ผู้ประกอบกิจการและรัฐบาล แต่ผู้ขาดทุนที่แท้คือประชาชน