เครือข่ายเยาวชน จี้ ศบค. เชือดร้านเหล้าเมืองตรังขายให้เด็กช่วงโควิดระบาด
วันนี้ ( 28มกราคม 2564) ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวปาลิณี ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง แกนนำเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ และแกนนำเยาวชนจำนวน10 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือ ศบค.เพื่อเรียกร้องให้เร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย กรณีร้านเหล้า ผับ บาร์ แห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ ทั้งนี้ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับเรื่องแทน
นางสาวปาลิณี ต่างสี ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า จากกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวของนักเรียนหญิงอายุ16 ปี ในจังหวัดตรัง ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019เมื่อเปิดเผยไทม์ไลน์พบว่า ได้มีการเดินทางไปยังร้านเหล้าแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ระบุไว้ชัดเจนเรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี แต่ผู้ประกอบการร้านเหล้ากลับละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ นอกจากนี้ยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อื่นอีกหลายฉบับ รวมถึงคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่22/2558ซึ่งห้ามมิให้ทำผิดกฎหมายในประเด็นสำคัญๆ เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า20ปี ห้ามขายเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ห้ามมียาเสพติดและอาวุธ เป็นต้น ซึ่งตามคำสั่งนี้สถานประกอบการที่ทำผิดจะถูกสั่งปิด5 ปี หากอยู่นอกเขตโซนนิ่งใกล้สถานศึกษา และต้องสั่งปิดถาวรกรณีอยู่ในเขตโซนนิ่งดังกล่าว และสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกต คือ มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ หรือมีการปล่อยปละละเลยกับการกระทำผิดกฎหมายของผู้ประกอบการร้านเหล้ารายดังกล่าวหรือไม่
“นอกจากนี้ทางเครือข่ายฯยังพบว่า เมื่อปลายปี 2561 ในพื้นที่จังหวัดตรัง มีสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง เกิดเหตุยิงกันมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมีเพียงคำสั่งปิดชั่วคราว ในเวลาไม่นานร้านดังกล่าวก็กลับมาเปิดบริการใหม่ ซึ่งไม่มีการตรวจสอบหรือบังคับใช้กฎหมายกับร้านดังกล่าวตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 แต่อย่างใด” นางสาวปาลิณี กล่าว
ด้าน นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง ทุกฝ่ายต่างร่วมมือช่วยกันยับยั้งเชื้อ แต่ร้านเหล้าแห่งนี้กลับซ้ำเติมปัญหาปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ เกิดการรวมกลุ่มในสถานที่ปิด มีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่เชื้อโควิด-19ได้อย่างรวดเร็ว และหากตรวจสอบเชื่อว่ายังมีร้านเหล้าผับบาร์อีกจำนวนมากที่ลักลอบปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เร่งตรวจสอบและเข้มงวดกับร้านเหล้าทั่วประเทศ ห้ามขายเหล้าให้เด็ก คุมเข้มกฎหมายโซนนิ่งห้ามขายเหล้ารอบสถานศึกษา
“เครือข่ายฯขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อศบค.และรัฐบาล ดังนี้1.ขอให้ตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการร้านArea51 ในการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่22/2558 ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าหากสถานประกอบการนั้นอยู่ในเขตโซนนิ่งใกล้สถานศึกษาต้องลงโทษสถานหนัก คือ สั่งปิดถาวร และหากอยู่นอกเขตโซนนิ่งต้องสั่งปิดเป็นเวลา 5ปี เพื่อสร้างบรรทัดฐานในการบังคับใช้กฎหมาย และป้องปรามการกระทำผิดของผู้ประกอบการรายอื่น 2.ขอให้ตรวจสอบและเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง หากพบมีการปล่อยปละละเลย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20ปีเข้าไปในพื้นที่ห้ามตามกฎหมาย 3.เครือข่ายฯขอชื่นชมผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านเหล้า ผับ บาร์ ที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และขอให้กำลังใจผู้ประกอบการที่ต้องหยุดกิจการตามมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาโควิด-19 แต่ขอประณามผู้ประกอบการที่มุ่งหาประโยชน์กับเด็กและเยาวชน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กฎหมายคุ้มครองเด็กและมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่งผลให้สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ โควิด-19 และ 4.วิงวอนให้เพื่อนเยาวชน พี่น้องประชาชนช่วยกันหยุดทุกพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดหรือการทำให้ร่างกายอ่อนแอ หยุดการปาร์ตี้ตั้งวง ทั้งเหล้า บุหรี่ ยาเสพติดรวมถึงการพนัน และปฏิบัติตามคำแนะนำของฝ่ายสาธารณสุขโดยเคร่งครัด” นายณัฐพงศ์ กล่าว