SABINA ฮึดสู้โควิด-19 ปิดงบไตรมาส 2 กำไรโต 24.30%
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 (เมษายนถึงมิถุนายน) ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 633.1 ล้านบาท ลดลง 3.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 62.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.30% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคมถึงมิถุนายน) รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,305.4 ล้านบาท ลดลง 2.60% จากครึ่งแรกของปี 2563 โดยมีกำไรสุทธิ 141.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.70%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มาจากการเรียนรู้ประสบการณ์ที่ผ่านวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อปี 2563 จนถึงระลอกที่สองในช่วงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ทำให้ SABINA เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อรักษาต้นทุนและค่าใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิต่อยอดขาย (Net Profit Margin) ในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9.9% และในงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10.8% เพิ่มขึ้นเทียบกับสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 9.5% แม้ว่ายอดขายจะลดลงก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของอัตราส่วนทางการเงินที่ดีขึ้น และงบการเงินที่มีคุณภาพขึ้น
“ในไตรมาสที่ 3 เรายังคงเน้นการรักษาอัตรากำไรสุทธิของ SABINA ด้วยกลยุทธ์บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ที่ถือว่า เป็นระลอกที่น่าจะรุนแรงที่สุด เพราะช่องทางการจำหน่ายเกือบ 60% ถูกล็อคดาวน์เป็นวงกว้างถึง 29 จังหวัดในช่วงเวลานี้ก็ตาม และเราคาดหวังว่า ยอดขายจะเติบโตอย่างท้าทายในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เพราะน่าจะเป็นช่วงที่มีการคลายล็อคดาวน์ และกิจการค้าปลีกต่างๆ น่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ สอดคล้องกับจำนวนการแพร่ระบาดที่น่าจะลดลง จากการกระจายวัคซีนที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
ทางด้าน นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการส่งเสริมธุรกิจ SABINA กล่าวว่า หลังจากเผชิญกับวิกฤติโควิดหลายระลอก ทำให้ SABINA เดินหน้าลดต้นทุนทั้งระบบ ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงกระบวนการขายหน้าร้านเพื่อให้กระชับที่สุด และพยายามใช้หลักลดการสูญเปล่า (Zero Waste) ในทุกๆ ขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการปรับปรุงปริมาณสินค้าคงคลังในแต่ละจุดขายและคลังสินค้า ขณะเดียวกัน ยังเน้นการบริหารช่องทางการขายและการทำตลาดแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ สร้างความเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ โดยเน้นสินค้าราคาที่จับต้องได้ เพื่อประคับประคองรายได้โดยรวมให้อยู่ในภาวะปกติ
สำหรับปัจจัยท้าทายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมุ่งเน้นการรับมือกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เนื่องจากในปัจจุบันผู้บริโภคเข้าถึงข่าวสารได้มากขึ้น และมีความหลากหลายในเรื่องเครื่องมือสื่อสารที่จะเข้าถึงสินค้าและบริการ ดังนั้น แบรนด์จะต้องปรับสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด เพื่อให้บริการได้เท่าเทียมกับความคาดหวังของลูกค้า
“เป้าหมายหลักของ SABINA ยังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนไป ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ จากเดิมเราคาดหวังว่าจะเติบโตจากปี 2563 แต่หลังจากประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายระลอก ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ถูกแทนที่ด้วยเป้าหมายระยะสั้น เพื่อให้ง่ายต่อการปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยเราเชื่อว่า ยังสามารถเติบโตได้มากกว่าปีที่แล้ว และมั่นใจว่า มีโอกาสใหม่ๆ จะเกิดขึ้นให้เห็นตลอดครึ่งหลังของปีนี้อย่างแน่นอน” นางสาวดวงดาวกล่าว