ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก50ปี-ชดใช้2.5ล้าน อดีตนายกอบต.ทุ่งมะพร้าวชำเราเด็กหญิง
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อดีตนายก อบต. ทุ่งมะพร้าว จ.พังงา ในฐานพรากเด็กหญิง 2 รายเพื่อการข่มขืนกระทำชำเรา ยกฟ้องในความผิดฐานอนาจาร แต่รวมทุกกระทงแล้วยังคงจำคุก 50 ปี ชดใช้ค่าเสียหายรวม 2.5 ล้านพร้อมดอกเบี้ย
นายอธิวัฒน์ เนียมมีศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคลิปฉาว นายศุภศักดิ์ โภคบุตร อดีตนายกอบต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเหตุกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุ 14 ปี ภายในรถยนต์ ช่วงต้นเดือนก.ค. 2562 ซึ่งเป็นกรณีที่มูลนิธิฯ ได้เข้าช่วยเหลือด้านคดีความโดยทนายความของมูลนิธิฯเข้าเป็นทนายโจทก์ร่วม ให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 13 ปี และเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี และมารดาของเด็กทั้งสอง
นายอธิวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้ในชั้นต้นศาลจังหวัดพังงาได้พิพากษา ไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2563 ฐานความผิดพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปีและอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ , กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีและเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี โดยขู่เข็นด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืนได้ จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน ระหว่าง ต้นเดือน มิ.ย. 2559 ถึงวันที่ 28 มิ.ย. 2562 เหตุเกิดที่ ต.ทุ่งมะพร้าว และต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ต่อเนื่องและเกี่ยวพันกัน ศาลได้พิจารณาพยานหลักฐาน พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน รวมกระทงความผิด 94 กรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ลงโทษจำคุกจำเลย 324 ปี 3 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้ง 2 คน คนละ 1 ล้านบาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายที่ 3 เป็นเงิน 5 แสนบาท รวมเงินที่ต้องชดใช้ 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 เม.ย. 63) เป็นต้นไปนั้น
“ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดพังงาได้นัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ 8 โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีโดยขู่เข็ญโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง(เดิม)ตามคำฟ้องข้อ 1.2 1.4 1.6 1.8 และ 1. 10 กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 เมษายน 2563) ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 ของต้นเงินแต่ละจำนวนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ร่วมทั้งสาม อัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 นั้น ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใดก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามคำขอ ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสรุปแม้จะมีการยกฟ้องในบางกระทงความผิดตามฟ้องของโจทก์ แต่โดยรวมยังคงลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปี ซึ่งคำพิพากษาวันนี้เป็นเพียงในชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยก็มีสิทธิที่จะต่อสู้ในชั้นฎีกาต่อไป อย่างไรก็ตามอยากวิงวอนให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือ แจ้งเหตุ หากเกิดกรณีแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งมักจะทำให้ครอบครัวผู้เสียหาย ซึ่งเด็กและเยาวชน ไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม” นายอธิวัฒน์ กล่าว