“SABINA” เผย Q1/65 กำไรสุทธิ 101.6 ล้านบาท
SABINAเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2565 (มกราคมถึงมีนาคม) กำไรสุทธิ 101.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2 ล้านบาท คิดเป็น 29.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาสหรือ 2 ปีครึ่ง ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 720.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.4 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.3% จากไตรมาสแรกของปีก่อน ระบุปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกช่องทาง ทั้งรีเทล ออนไลน์ และรับจ้างผลิต จากความมั่นใจของผู้บริโภคที่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ดีขึ้น เชื่อแนวโน้ม 9 เดือนที่เหลือของปี ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดี ผลักดันเป้าหมายปีนี้เติบโต 20% มีความเป็นไปได้สูง พร้อมเดินหน้าปั๊มรายได้ทั้งปีแตะสถิติสูงสุดเดิมที่ 3,295 ล้านบาท
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก เนื่องจากในช่วงต้นไตรมาสยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ตาม ความกังวลดังกล่าวค่อยๆ คลี่คลายลง และเห็นสัญญาณความมั่นใจของผู้บริโภคมากขึ้น บริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์เพิ่มรายได้ด้วยการออกชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่ SABINA x Care Bears ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายดีมาก หลังจากนั้น ยังมีคอลเลคชั่น “เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ” (Friendly Earth) ที่เน้นวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าสายแฟชั่นรักษ์โลกได้เป็นอย่างดี
“การเปิดตัวชุดชั้นคอลเลคชั่นใหม่ในไตรมาสแรกได้รับการตอบรับที่ดีมาก และผลักดันให้รายได้ยอดขายช่องทางค้าปลีก (Retail) รวมถึงช่องทางออนไลน์ (NSR-Non Store Retailing) เพิ่มขึ้น 6% และ 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยช่องทางขายออนไลน์ในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้น 16.7% ขณะที่รายได้จากช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ในไตรมาสแรกของปีนี้ก็เพิ่มขึ้น 44% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย และเกือบทุกประเทศทั่วโลกกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและยุโรป ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่ม OEM ของ SABINA ที่ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ออเดอร์ผลิตเริ่มมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่องทางขายในประเทศและการขายออนไลน์ นอกจากจะได้สินค้าคอลเลคชั่นใหม่เข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อแล้ว ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการช้อปดีมีคืนของภาครัฐอีกส่วนหนึ่งด้วย ทำให้การบริหารในส่วนของรายได้ช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เติบโตได้อย่างน่าพอใจ” นางสาวดวงดาวกล่าว
ขณะเดียวกัน จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้การบริหารต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้ทำให้ SABINA ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรในไตรมาสแรกไว้ได้ โดยเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ไตรมาสหรือ 2 ปีครึ่ง และส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin – GPM) อยู่ที่ 49.0% เพิ่มขึ้นจากระดับ 47.6% ในไตรมาสแรกของปี 2564
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปีนี้ ภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกัน SABINA ยังมีแผนสร้างความหลากหลายให้กับสินค้า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ได้ผนึกความร่วมมือกับ Pomelo ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ เพื่อต้อนรับวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ที่เป็นส่วนหนึ่งของสินค้าในกลุ่มยั่งยืน (Sustainable Product) ที่มีเป้าหมายจะผลิตเพิ่มในสัดส่วน 5% ของสินค้าทั้งหมด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่า เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่วางไว้ที่ 20% โดยรายได้ยอดขายจะกลับไปที่จุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอยู่ที่ 3,295 ล้านบาท จะสามารถเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้