ภาคประชาชน หนุนตร.- ปกครองชลบุรี จัดการผับเม้าท์เท่นบีไม่สนกฎหมายสั่งปิด 5 ปี ดื้อเปิดนั่งดริ้งในชื่อใหม่
ภาคประชาชน หนุนตร.- ปกครองชลบุรี จัดการเด็ดขาดผับดัง เม้าท์เท่นบีไม่สนกฎหมายสั่งปิด 5 ปี ดื้อเปิดนั่งดริ้งในชื่อใหม่ ด้าน “นักกฎหมาย” ชี้โทษคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น จี้ตรวจใบอนุญาตขายสุรา แนะทำมาหากินตามกฎหมายอนุญาต ควรเร่งเยียวยาดูแลผู้สูญเสีย
จากกรณีที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังตำรวจ สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสัตหีบ เข้าตรวจสอบร้าน NEVER LAND ที่เปิดในพื้นที่ตั้งเดิมของผับ Mountain B บริเวณที่เกิดเหตุไฟไหม้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2565 ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 40 คน และเสียชีวิต 26 คน และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตรวจสอบสาเหตุไฟไหม้ และการจ่ายชดเลยเยียวยาความเสียหาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ภปค.) กล่าวว่า กรณีที่ผับ Mountain B กลับมาเปิดให้บริการใหม่ในพื้นที่เดิม เพียงเปลี่ยนชื่อเป็น Never Land นั้นถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 46/2559 ที่กำหนดบทลงโทษสำหรับสถานบริการที่เคยถูกสั่งปิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 แล้วฝ่าฝืนกลับมาเปิดเป็นสถานบริการ ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เดิม โดยพื้นที่ที่เคยกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงและถูกปิดไปแล้วนั้น จะกลับมาเปิดเป็นสถานบริการ สถานบันเทิง หรือเป็นสถานที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกต่อไปไม่ได้ ต้องเปลี่ยนไปประกอบกิจการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้น
“เครือข่ายฯ ขอชื่นชมตำรวจและฝ่ายปกครองที่ได้ดำเนินการปิดสถานบริการดังกล่าว แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับสถานบริการแห่งนี้ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาผู้เสียหายทุกคนอย่างเป็นธรรม พวกเราเชื่อว่าหากทุกคนในสังคมช่วยกันเฝ้าระวัง จับตาการกระทำผิดกฎหมายของผู้ประกอบการ จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสังคม ลดการเกิดโศกนาฏกรรม ป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้” นายธีรภัทร์ กล่าว
ด้านนายอธิวัฒน์ เนียมมีศรี หัวหน้าฝ่ายกฎหมายมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีได้ลงนามในคำสั่งปิดผับ Mountain B เป็นเวลา 5 ปี ไปแล้วตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2565 แต่น่าสนใจว่าเพราะเหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงย่ามใจ ขนาดกล้าฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับขนาดนี้ โดยเฉพาะคำสั่ง คสช. 22/2558 และ 46/2559 ห้ามประกอบกิจกรรมในลักษณะสถานบริการหรือสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการ และห้ามจำหน่ายสุรา หากฝ่าฝืนมาเปิดอีกก็ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามตามมาว่าพื้นที่ชลบุรีมีอิทธิพล หรืออำนาจที่ทำให้ผู้ประกอบการบางรายสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้หรือไม่ จึงขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ยอม และเข้าไปดำเนินการสั่งปิดโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ขอให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าสรรพสามิตได้ออกใบอนุญาตจำหน่ายสุราให้ด้วยหรือไม่ ถ้าออกให้ สรรพสามิตในพื้นที่จะถือว่ามีความผิดด้วย แต่หากไม่ได้ออกใบอนุญาตให้เจ้าของสถานประกอบกิจการก็จะมีความผิดเพิ่มข้อหาเปิดร้านจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต
“กฎหมายไม่ได้ห้ามหากจะใช้พื้นที่นี้ไปทำมาหากินอย่างอื่น ดังนั้นสิ่งที่สถานประกอบการแห่งนี้ควรทำคือทำมาหากินตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมามีคนเจ็บตายมีความสูญเสียที่ประเมินค่ามิได้ ควรรับสภาพและเอาเวลาไปช่วยเหลือเยียวยาวผู้ได้รับผลกระทบจะเป็นกุศลกว่า” นายอธิวัฒน์ กล่าว