เทศบาลนครพิษณุโลก จับมือ สสส. สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมสุขกลางเมือง
เทศบาลนครพิษณุโลก จับมือ สสส. สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมสุขกลางเมือง เรื่องแรงบันดาลใจในวัยเยาว์ฯ ย้ำสวนสาธารณะต้องปลอดภัย ปลอดเหล้า บุหรี่ ยาเสพติด เสนอเร่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยสร้างสรรค์
เมื่อเร็วๆนี้ ที่สวนสาธารณะกลางเมือง จ.พิษณุโลก เทศบาลนครพิษณุโลก ร่วมกับกลุ่มลานละมุน สภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครพิษณุโลก เครือข่าย Young Phitsanulok Forum กลุ่มพิดโลกจัดเต็ม เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคเหนือตอนล่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิษณุโลก วิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก สำนักงานสาธารณสุข จ.พิษณุโลก สรรพสามิตพื้นที่พิษณุโลก บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พิษณุโลก วัฒนธรรม จ.พิษณุโลก และสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ร่วมจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด สุขกลางเมือง : เรื่องแรงบันดาลใจในวัยเยาว์ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภายในงานมีการแสดงจากกลุ่มเด็กเยาวชน การออกบูธกิจกรรม การแสดงจากศิลปิน และการเสวนาในหัวข้อ “เด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่ ร่วมปลูกดอกไม้ให้เมืองสองแคว”
ดร.เปรมฤดี ชามพูนท นายเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า เทศบาลนครพิษณุโลกเห็นความสำคัญของการสร้างพื้นที่ปลอดภัย สร้างสรรค์ ให้ประชาชนในพื้นที่ด้วยการผลักดันให้เกิดสวนสาธารณะ สวนสุขภาพถึงสามแห่งในเขตเทศบาล โดยหวังให้ประชาชนได้ใช้เป็นที่พักผ่อน ออกกำลัง และให้เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการได้ใช้เป็นสถานที่ทำกิจกรรมที่สนใจ
“เทศบาลในฐานะเป็นผู้ดูแล ผู้จัดการเมือง พยายามจัดการให้มีพื้นที่สำหรับคนทุกกลุ่ม การมีสวนสาธารณะเป็นทางเลือกแต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด กลุ่มเด็กและเยาวชน เป็นอีกกลุ่มที่เราให้ความสนใจ ยอมรับว่าในช่วงแรกผู้ใหญ่อย่างเราไม่สามารถสื่อสารถึงความต้องการที่แท้จริงของเด็กได้ แต่หลังเกิดการมีสภาเด็กและเยาวชนเทศบาลนครพิษณุโลกทำให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เทศบาลได้ทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของเยาวชนทั้งเรื่องกีฬาเอ็กซ์ตรีม อีสปอร์ต คอสเพลย์ หรือกิจกรรมสร้างสรรค์อื่น ๆ ทำให้เทศบาลสามารถสนับสนุนทั้งพื้นที่ อุปกรณ์ หรือมีแนวนโยบายที่ตรงกับความต้องการของเยาวชนได้มากขึ้น” ดร.เปรมฤดี กล่าว
นายจักรภัทร ชูสกุลพัฒนา ผู้ประสานงานเยาวชน YSDN พิษณุโลก ตัวแทนคณะผู้จัดงาน กล่าวว่า ตนและเพื่อน ๆ อยากเห็นจังหวัดพิษณุโลกและทุกจังหวัดมีพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้แด็ก เยาวชน ได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์ มีพื้นที่ในการแสดงออกซึ่งความสามารถ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และอยากให้ภาครัฐสนับสนุน การจัดกิจกรรมเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ภายใต้ชื่องานสุขกลางเมือง : เรื่องแรงบันดาลใจในวัยเยาว์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชน ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ เกิดการเรียนรู้ในเด็กและเยาวชนจังหวัดพิษณุโลก ทั้งพื้นที่กายภาพ พื้นที่ความคิด พื้นที่สร้างสรรค์ และยั่งยืน โดยเหตุผลที่เลือกใช้สวนกลางเมืองพิษณุโลกเป็นสถานที่จัดงานเนื่องจากเป็นสวนสาธารณะที่เป็นสถานที่ห้ามดื่ม ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ตามกฎหมาย มีความปลอดภัย
“ผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนในสังคมควรจะปรับมุมมองที่ว่า หาเพชรในตม เพราะเราไม่จำเป็นต้องไปหาเพชรในตม เพียงแค่ปรับสภาพตมให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี และตมก็จะสร้างเพชรขึ้นมาได้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ถ้าสภาพแวดล้อมดี คนก็จะดีตามไปด้วย” นายจักรภัทร กล่าว
นางสาวศิวรินทร์ พูลวงษ์ (วรินทร์) ศิลปินแนวเพลงอินดี้ กล่าวว่าในฐานะที่ตนเป็นศิลปินรุ่นใหม่ และเป็นผู้ปกครองที่มีลูก อยากเห็นการมีพื้นที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์แบบนี้เกิดขึ้นในทุกจังหวัด เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ให้ทุกคนในครอบครัว สามารถทำกิจกรรมร่วมกันเกิดความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ให้เด็กได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข การได้ออกไปทำกิจกรรมดี ๆ ในพื้นที่ดี ๆ จะทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ด้าน นางทิชา ณ นคร ผู้อำยวนการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน(ชาย)บ้านกาญจนาภิเษก และที่ปรึกษามูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า เด็กจำนวนมากในประเทศนี้อยู่ในครอบครัวที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ ไม่มีเวลามากพอที่จะส่งเสริมให้เด็กได้มีทักษะชีวิตที่สามารถนำพาตัวเองให้รอดพ้นจากปัญหาสังคมที่เข้ามาคุกคามในหลายมิติ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ ที่ต้องส่งเสริมให้เกิดพื้นที่สร้างสรรค์ กิจกรรมสร้างสรรค์ ที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้โดยง่าย
“เมื่อเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มีก่อน จึงไม่สามารถที่จะจัดการหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่อยากให้เป็นได้ และถึงแม้ผู้ใหญ่จะเคยเป็นเด็กมาก่อนก็ใช่ว่าจะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเด็กได้ทุกเรื่อง การเปิดโอกาสให้เด็กได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญโดยเฉพาะรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากสุด” นางทิชา กล่าว