MACOเผย2Qปี63/64รายได้รวมลดลง 32.2% อ่วมพิษ COVID-19
MACOแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2ปี 2563/64 มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่ 507 ล้านบาทลดลง 32.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีปัจจัยหลักมาจากการได้รับผลกระทบอย่างมากจากการที่แบรนด์และนักการตลาดชะลอการใช้งบโฆษณา อันเนื่องมาจากผลกระทบที่ยาวนานของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่สภาวะถดถอยอย่างรุนแรง จึงทำให้ธุรกิจโฆษณาทั้งในและต่างประเทศได้รับผลกระทบในเชิงลบ ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 161 ล้านบาทในไตรมาสนี้
นายพุน ฉง กิต ประธานกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO หนึ่งในผู้นำสื่อโฆษณากลางแจ้งที่มีความหลากหลายทั้งสื่อโฆษณาภาพนิ่งและสื่อดิจิทัลที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน เผยว่าปี 2563 ถือเป็นปีที่ยากลำบากและคาดเดาได้ยากยิ่งสำหรับธุรกิจของบริษัทฯ จากผลการดำเนินงานโดยรวมที่ลดลงนั้น มีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบที่มีความยืดเยื้อและยาวนานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลให้มีการขยายนโยบายการจำกัดการเดินทางและมาตรการล็อคดาวน์ในหลายประเทศทั้งประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของบริษัทฯ สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยนั้นแม้จะประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคCOVID-19 ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยคาดว่าจะหดตัวลง -7.8% ซึ่งเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้ยังมีปัญหาทางการเมืองที่ยังมีความตึงเครียดทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศยังมีความไม่แน่นอนประกอบกับปัจจัยลบต่างๆ ทั้งการปรับลดเม็ดเงินโฆษณาของแบรนด์และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง ทำให้รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณา ลดลง 56.8% YoY มาอยู่ที่ 179 ล้านบาทโดยสื่อโฆษณาในประเทศทำรายได้122 ล้านบาท ลดลง 52.6% YoYสำหรับรายได้จากสื่อโฆษณาในต่างประเทศ ลดลง 63.8% YoY คิดเป็น 57 ล้านบาท และงานด้านระบบครบวงจรทำรายได้ 328 ล้านบาท ลดลง 1.5% YoY
นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์GDP ในปี 2563 ของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียว่าจะหดตัว –6.0% และ –1.5% ตามลำดับ ทำให้ในไตรมาสนี้ บริษัทฯบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนในกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วม จำนวน 53 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของโรคCOVID-19 ที่รุนแรงในตลาดอินโดนีเซีย แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เล็งเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีการเติบโตของ GDP สูงที่สุดในอาเซียนที่ 1.6%
สุดท้ายนี้ถึงแม้ผลการดำเนินงานของ MACO จะได้รับผลกระทบในทางลบจากสถานการณ์ข้างต้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็จะติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดและมุ่งเน้นบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาความมั่นคงทางธุรกิจให้มีกระแสเงินสดที่เพียงพอและมีสภาพคล่องที่ดีเพื่อหนุนการเติบโตอย่างมั่งคงในระยะยาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเพิ่มเติม