ในประเทศ

WHO ยกคณะดูงาน สสส. แลกเปลี่ยนการการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพ ควบคุมผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับนานาชาติ

ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) สำนักงานใหญ่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายแอลกอฮอล์ และผู้แทนจากประเทศเนปาล ศรีลังกา ติมอร์เลสเต ภูฏาน รวมจำนวน 60 คน เข้าศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนหารือการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพและควบคุมผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ สสส. และภาคีเครือข่าย

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนร่วมกันของนานาชาติในการลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับที่เป็นอันตราย และบรรเทาผลกระทบที่มีผลต่อสุขภาพจากแอลกอฮอล์ ผ่านมาตรการสำคัญด้านการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ การห้ามขายให้เด็กเยาวชน การห้ามขายในเวลาที่กำหนด การขึ้นภาษีสรรพสามิต การห้ามโฆษณา อันเป็นแนวทางที่มาจากองค์ความรู้และหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เสนอแนะโดยองค์การอนามัยโลกต่อประเทศสมาชิกทั่วโลก โดยมีบทเรียนส่วนหนึ่งจากการทำงานที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่ายภายใต้นวัตกรรมการเงินการคลังเพื่อสุขภาพที่นำส่วนภาษีสรรพสามิตเพิ่มจากสุรามาดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพในประชากรรวมถึงการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผู้แทนจากหลายประเทศได้นำสถานการณ์และบริบทของประเทศตนเองมาร่างแนวปฏิบัติการ และแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจและวิธีการใหม่ๆในการแก้ปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศตน

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สสส. ได้นำเสนอต่อที่ประชุม ในหัวข้อ 2 ทศวรรษการดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพและการขับเคลื่อนนโยบายยาสูบและแอลกอฮอล์ ว่า สสส. ได้สานพลังภาคีเครือข่ายตามยุทธาสตร์ไตรพลัง ได้แก่ พลังนโยบายมีการสนับสนุนผ่านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้เกิดการดำเนินการพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ด้านพลังปัญญาได้สนับสนุนการจัดตั้งและดำเนินงานของผ่านศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) และ ด้านพลังสังคมได้สนับสนุนการทำงานภาคประชาสังคมที่หลากหลาย เพื่อร่วมสานพลังเครือข่ายทุกภาคส่วนในการผลักดันนโยบายและการปรับเปลี่ยนค่านิยมของสังคม ผ่านการรณรงค์ในระดับพื้นที่ ส่งเสริมให้คนลด ละ เลิกการดื่มสุรา สร้างการรับรู้ให้กับสังคมถึงเจตนารมณ์ให้ตระหนักความสำคัญของกฎหมาย

“สสส. ยังได้ปรับสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังเช่น การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมสู่งานบุญประเพณีปลอดเหล้า อาทิ ประเพณีสงกรานต์ ปีใหม่ งานแข่งเรือ การงดเหล้าเข้าพรรษา ฯลฯ ทำให้เกิดกระแสรณรงค์อย่างต่อเนื่องมาตลอดสองทศวรรษ โดยมีผู้ร่วมลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง “งดเหล้าเข้าพรรษา” อย่างน้อย 30% มาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนเครือข่ายภาคสังคมร่วมเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมาย  และเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมทำให้พฤติกรรมการดื่มหนักของคนไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติอัตราการดื่มในระดับอันตรายลดลงจากร้อยละ 13.94 ในปี 2557 เหลือเพียงร้อยละ 10.05 ในปี 2564” นพ.พงศ์เทพ กล่าว

ศ.ดร. แซลลี คาสเวลล์ ผู้เชี่ยวชาญและประธานเครือข่ายนโยบายแอลกอฮอล์ระดับโลก (Global Alcohol Policy Alliance) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการ และประสบการณ์เรื่องการควบคุมแอลกอฮอล์ที่สำคัญของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อสุขภาพนำมาสู่โรคไม่ติดต่อที่เป็นปัญหาวิกฤติของประชากรโลกที่สหประชาชาติได้ประกาศเป็นวาระโลกที่สำคัญ โดย สสส. เป็นหนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติให้มีความเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ