“ปูนดอกบัว” มุ่งสร้างสังคมสีเขียว เดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ร่วมขับเคลื่อน “สระบุรีแซนบอกซ์” เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำ
“ปูนดอกบัว” เดินหน้าสู่สังคมสีเขียว เปิดตัวโครงการ “โซลาร์ฟาร์ม” โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรก ด้วยกำลังการผลิต 20 เมกกะวัตต์ ณ ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12,000 ตันต่อปี สร้างแหล่งพลังงานสีเขียวเทียบเท่าปลูกต้นไม้ 1.2 ล้านต้น ร่วมขับเคลื่อน “สระบุรีแซนด์บอกซ์” เมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน
นายนภดล รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ตราดอกบัว กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายการดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับกิจการที่ดี พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทางทุกธุรกิจและทุกภาคส่วน กำหนดนโยบายและแผนระยะยาวในเรื่องการลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน เพื่อก้าวสู่สังคมสีเขียว “Go Green Society” โดยมีเป้าหมายก้าวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี พ.ศ. 2593
ล่าสุด บริษัท เอเซียซีเมนต์เอ็นเนอจี คอนเซอร์เวชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท ปูนซีเมนต์เอเชีย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ 160 ไร่ ของโรงงานที่ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่จะสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผลักดันและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับชุมชนใกล้เคียง ได้รับเกียรติจากนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
“ด้วยกำลังการผลิต 20 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 12,000 ตันต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1.2 ล้านต้น โรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาด และเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด เป็นความตั้งใจของเราในการใช้นวัตกรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และบริการ ร่วมถึงการดูแลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน เพื่อก้าวย่างสู่สังคมสีเขียว Go Green Society อย่างยั่งยืน” นายนภดลกล่าว
นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า โครงการโซลาร์ฟาร์มของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซียจำกัด (มหาชน) ถือเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันดำเนินการตามแนวทาง “สระบุรีแซนด์บอกซ์” เพื่อผลักดันเมืองอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองสีเขียว คาร์บอนต่ำ และจะเป็นต้นแบบให้อีกหลายๆ จังหวัดขับเคลื่อนได้ โดยปัจจัยของความสำเร็จในการเปลี่ยนเมืองอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองสีเขียวครั้งนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือและทำงานอย่างจริงจังระหว่างภาคราชการกับภาคเอกชน รวมถึงการได้รับความสนับสนุนจากผู้ประกอบการและประชาคมในพื้นที่ “สระบุรีแซนด์บอกซ์” จะเป็นโครงการนำร่องที่ทำให้หลายอุตสาหกรรมลุกขึ้นมาทำตาม
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้ เริ่มก่อสร้างในวันที่ 28 กันยายน 2565 เพิ่งแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ปี 2566 โดยจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในโรงงาน และถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของโครงการ “สระบุรีแซนด์บอกซ์” ที่ปูนซีเมนต์เอเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ได้ร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศน์เพื่อผลักดันให้สระบุรีเป็นเมืองต้นแบบแห่งแรกในไทยที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ที่ผ่านมา ปูนซีเมนต์เอเชีย ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นเหมืองแร่ที่มีธรรมาภิบาล และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นในการดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสุขภาพของประชาชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการทำเหมืองที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และนำประเทศก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน จนได้รับรางวัล “Thailand Green & Smart Mining Awards 2023” จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ อีกด้วย