ในประเทศ

สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เปิดเวทีเสวนา SYNERGY FOR CHANGE ระดมพลังภาคธุรกิจ เปิดพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กเยาวชน

สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เปิดเวทีเสวนา SYNERGY FOR CHANGE ระดมพลังภาคธุรกิจ เปิดพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กเยาวชน ลดปัจจัยเสี่ยงบุหรี่ไฟฟ้า เหล้า ยาเสพติด พนันออนไลน์ มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2567 ที่ หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม จัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสื่อสารสังคม “การเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้กับเยาวชนโดยภาคธุรกิจเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต”

นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม กล่าวว่า เด็กเยาวชนไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัจจัยเสี่ยงนานัปการ ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า สุราเสรี ยาเสพติด กัญชา กระท่อม พนันออนไลน์ ปรากฎการณ์ที่เป็นข่าวในสังคมสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ย้ายลงไปที่เด็ก จากนโยบายรัฐที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการเติบโตด้านเศรษฐกิจจนละเลยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กเยาวชน โดยเฉพาะสินค้าอบายมุขเสรี จากการวิเคราะห์ข่าวของกรมกิจการเด็กและเยาวชนในเดือนกันยายน 2567 พบว่ามีข่าวเด็ก 97 กรณี แบ่งเป็นถูกกระทำอนาจาร/ข่มขืน16.49% ถูกทำร้ายร่างกาย15.46% ทำร้ายร่างกายผู้อื่น/ทะเลาะวิวาท11.34% ถูกทอดทิ้ง/เลี้ยงดูไม่เหมาะสม9.28% ข่าวด้านเยาวชน 9 กรณี แบ่งเป็นทำร้ายร่างกายผู้อื่น44.44% ถูกทำร้าย22.22% ทะเลาะวิวาท11.11% ขโมยจี้ปล้น11.11% และถูกระทำอนาจาร11.11%  ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2564 พบเยาวชน อายุ 15-24 ปี สูบบุหรี่ 12.7%   ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 20.9% หรือ 1.9 ล้านคน ดื่มแล้วขับ 33.06% ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน 25.09% ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารบาดเจ็บและเสียชีวิต และจากรายงานสถานการณ์เด็กเยาวชนและครอบครัวปี 2566 พบว่า เด็กเยาวชนวัยเรียนมีปัญหาสุขภาพจิตจำนวนมาก มีเยาวชนอายุ 15-19 ปีพยายามฆ่าตัวตายถึง 224 คนต่อ 1 แสนประชากร สูงกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ หรือสูงกว่าวัยทำงาน 5 เท่า สาเหตุที่ทำให้เด็กเยาวชนช่วงอายุ 10 – 25 ปี เครียดมากที่สุดคือ การศึกษาและการทำงาน45.9% การเงิน43.5% ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว24.5%

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องหันกลับมาร่วมกับทบทวนและให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของเด็กเยาวชนให้มากขึ้น โดยการทำงานที่ผ่านมาของมูลนิธิพบว่า มีตัวอย่างภาคธุรกิจเอกชนจำนวนหนึ่งที่มีจิตสาธารณะคิดถึงประโยชน์ที่จะตกอยู่กับเด็กเยาวชน ได้ลุกขึ้นมาออกแบบใช้พื้นที่ของตนเองเป็นช่องทางแก้ไขปัญหา เปิดพื้นที่ให้เด็กเยาวชนได้มีพื้นที่แสดงออกทางความสามารถในรูปแบบต่างๆ ทั้ง ศิลปะดนตรีกีฬา กิจกรรมอาสา และทำให้เป็นพื้นที่ปลอดดภัยในช่วงเทศกาล ทำให้เด็กเยาวชนมีพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจ เกิด Self Esteem กลายเป็น Community ทางสังคมที่สร้างสรรค์ ซึ่งหากได้มีการร่วมมือผนึกกำลังทางสังคม จะช่วยทำให้แนวคิดการส่งเสริมพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์ขยายตัวออกไปได้มากกลายเป็นทิศทางใหม่ของสังคม เหมือนในหลายประเทศที่ลงทุนด้านการพัฒนาคุณภาพคนกลายมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ นอกจากนี้อยากเห็นพรรคการเมืองคนรุ่นใหม่เอาตัวอย่างการพัฒนาพื้นที่และกิจกรรมสร้างสรรค์สำหรับเด็กเยาวชนในต่างประเทศ ทำให้เกิดในประเทศไทยบ้าง เช่นการนำ Universal Studio หรือ Disneyland มาลงที่เมืองไทย ซึ่งเป็นธุรกิจเชิงบวกที่สร้างสรรค์แทนธุรกิจด้านอบายมุข  ผู้ใหญ่ต้องช่วยกันแก้ระบบที่ไม่เหมาะสมที่เด็กกลายเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเส้นทางแห่งการเติบโต  ทั้งความรุนแรงความเหลื่อมล้ำและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ  ต้องช่วยกันสนับสนุนภาคเอกชนที่ลุกขึ้นมาทำ เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีพื้นที่ที่เหมาะสมและเอื้อต่อการเติบโตสืบไป

นางทิชา ณ นคร(ป้ามล) ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า ธรรมชาติของเด็กต้องการเพื่อน ต้องทำให้เด็กมีเพื่อนมีสังคมที่ดี ซึ่งผู้ใหญ่มีหน้าที่ร่วมกันสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เด็กได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีพื้นฐานไม่เท่ากัน ต้องร่วมกันสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เด็กได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนอย่างปลอดภัย ดังนั้น ควรฟังเสียงของเด็ก เข้าใจ mind set ของเด็กก่อนออกแบบกิจกรรม เพื่อให้กิจกรรมสอดคล้องกับความต้องการของเด็ก ทั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ภาคธุรกิจได้รวมกันสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็ก  ซึ่งเป็นการป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็ก ดีกว่ามาแก้ปัญหาหลังจากที่เด็กถูกส่งมาอยู่ที่บ้านกาญจนาภิเษก  การแก้ไขปัญหาที่ดีควรแก้ที่ระบบหรือโครงสร้างของสังคม ซึ่งดีกว่าการบำบัดผู้ที่ได้รับผลกระทบรายบุคคล ซึ่งการร่วมกันเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ที่ปลอดภัยด้วยความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ก็เป็นหนึ่งในความกล้าของภาคธุรกิจที่ช่วยให้สังคมหรือเด็กมีทางเลือกในการทำกิจกรรม มีทางเลือกที่จะปลดปล่อยความเครียดและปลดปล่อยศักยภาพของตนเอง

นายณรงค์  พรหมจิตต  ห้างไลม์ไลท์ ภูเก็ต กล่าวว่า ทำเลที่ตั้งของห้างอยู่ใกล้สถานศึกษาหลายแห่ง ห้างจึงออกแบบสถานที่ของห้างให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชน โดยพยายามส่งเสริมให้ปลอดภัยทั้งเรื่องเพศ ยาเสพติด และความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งหลังเลิกงานผู้ปกครองภูเก็ตก็ไว้ใจที่จะให้ลูกมารอที่ห้าง นอกจากนี้ห้างได้จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น ตลาดปล่อยของได้เปิดพื้นที่ให้กับเด็กเยาวชนมาแสดงความสามารถ มีประกวดดนตรี  การรณรงค์การป้องกันการติดเชื้อ HIV และงานที่สำคัญคือสงกรานต์ No L ซึ่งได้ดำเนินการมาเป็นปีที่ 11 แล้ว เป็นพื้นที่เอกชนที่จัดงานสงกรานต์แบบปลอดแอลกอฮอล์เป็นที่แรกโดยไม่ผลิตคนเมาลงท้องถนน การเปลี่ยนแปลงที่พบได้คือสถิติอุบัติเหตุในวันสงกรานต์ลดลง ทั้งนี้เห็นว่า สงกรานต์ปลอดภัย และ “ความปลอดภัย” soft power ที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว การออกแบบยุทธศาสตร์ของห้างเน้นสร้างคุณค่าให้กลับสู่สังคมมากกว่าเน้นสร้างมูลค่าทางการตลาด แต่สุดท้ายแล้วก็ทำให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดได้ด้วย

นายโอฬาร  กิจเลิศไพโรจน์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียล สำโรง กล่าวว่า ห้างได้อยู่ร่วมกับคนสมุทรปราการมาแล้ว 41 ปี ห้างมีหน่วยงานชื่อธุรกิจอาสา ที่จะลงพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนและสอบถามความต้องการว่าชุมชนต้องการอะไร นอกจากนี้การที่ผู้บริหารได้ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งส่งผลต่อการออกแบบกลยุทธ์ของห้างที่ต้องดูแลคนในครอบครัวโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ห้างได้สร้างสรรค์กิจกรรมที่เอื้อให้เด็กเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งกิจกรรมด้านดนตรี กีฬาและวิชาการ โดยมุ่งสร้างทักษะเพื่อต่อยอดสู่อาชีพในอนาคต  รวมถึงโอกาสที่ดีกว่าในการเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ในลักษณะการสร้าง private modern space นอกจากการเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมแล้ว ยังมองว่าห้างต้องสร้าง “community” หรือการเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น เป็นพื้นที่ให้เด็กมาขายของ มาทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว รวมถึงต่อยอดการจัดการแข่งขันกีฬาไปสู่การเป็น academy เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีอนาคตที่ดี สามารถเป็นนักกีฬามืออาชีพได้

นายอรรถพล  พานพรม  ผู้ก่อตั้งกลุ่มเด็กอุบล  กล่าวว่า กลุ่มของพวกตนเริ่มต้นจากใช้ดนตรี3 วง ที่มีคนดูหลักสิบ ใช้เงินของตนเองเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานในพื้นที่สาธารณะ จากนั้นกระแสตอบรับดี จากผู้ชม 10 คนกลายเป็นหลักพัน และหลักหมื่นในช่วงท้ายสุดของการขับเคลื่อนกิจกรรมในแต่ละเอดพิโสด (Episode) โดยในแต่ละเอดพิโสดมีกิจกรรมที่ต่างกัน เช่น ร้องเพลง  เล่นดนตรี  cover dance  cosplay กิจกรรมอาสา เป็นต้น การมีพื้นที่สร้างสรรค์ช่วยให้เด็กรู้สึกว่ามีพื้นที่ปล่อยของ ได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบอย่างเต็มที่  จึงอยากฝากถึงภาครัฐภาคเอกชนร่วมกันเปิดพื้นที่ให้เด็กเยาวชนได้มีพื้นที่แสดงออกเพิ่มมากขึ้น

นายวิวัฒน์วงศ์  ดูวา (แดเนียล)  ศิลปินเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ผู้เคยผิดพลาดในการใช้ชีวิตจากใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้องคนที่ตนเองรักและได้รับโอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตใหม่ พัฒนาตนเองจนกลายมาเป็นศิลปินไมค์ทองคำ กล่าวว่า เราต้องเห็นคุณค่าในตัวเอง ไม่ปิดโอกาส แม้จะถูกต่อต้านอย่างหนักในช่วงแรกเมื่อผู้คนทราบถึงอดีต ที่มูลเหตุมาจากการถูกบุลลี่ในโรงเรียน ทำให้ต้องออกจากระบบการศึกษาเพราะรู้สึกว่าโรงเรียนไม่ปลอดภัยและมีแต่ความรุนแรง  แต่ก็ต้องกลับมาพบเจอปัญหาความรุนแรงที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง ในที่สุดก็นำมาซึ่งการฆาตกรรม เพื่อปกป้องคนในครอบครัวที่ถูกกระทำ เนื่องจากตำรวจไม่ได้ปกป้องให้  จนต้องเข้ามาอยู่ในบ้านกาญจนาภิเษกในที่สุด  อย่างไรก็ตาม การได้เข้ามาเจอกับป้ามล ทำให้ถูกเจียระไนกลายเป็นคนใหม่ ด้วยการเปลี่ยน mind set ตนเองจากกิจกรรมต่างๆ ของบ้านกาญจนาภิเษก เช่น การวิเคราะห์ข่าวและมีพื้นที่หลากหลาย ทำให้ได้ค้นพบตนเองได้ 

แดลเนียล กล่าวว่า เราต้องเริ่มเชื่อตัวเองก่อนว่าทำได้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริง  การแก้ไขปัญหาจะใช้ทั้งคลังคำ คลังภาษา คลังเครื่องมือและรู้วิธีที่จะพาตนเองออกจากจุดเสี่ยงและรู้วิธีระมัดระวังเมื่อต้องเผชิญกับความเสี่ยง  ความจริงใจเป็นสิ่งที่สามารถทะลุทุกเกราะได้  หากเข้าหาคนด้วยความจริงใจ  จะเข้าถึงใจได้โดยง่าย  รวมถึงความเข้าใจในปัญหา  เราจะสามารถประเมินตนเองได้ว่าเราอยู่ตรงไหนของปัญหานี้  และจะสามารถหาทางออกจากปัญหาได้ไม่ยาก