ปักธง! วันสิทธิผู้บริโภคสากล 2568 ชง 7 นโยบายคุ้มครองผู้บริโภค ที่ “ยั่งยืนและเป็นธรรม”
สภาผู้บริโภค จัดงานวันสิทธิผู้บริโภคสากล 2568 “การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม สู่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน” เสนอ 7 นโยบายยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อคุณภาพชีวิต
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2568 สภาผู้บริโภค นำโดย นางสาวบุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค และนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้บริโภคกว่า 340 องค์กร แถลงข้อเสนอเชิงนโยบาย 7 ข้อที่ รัฐบาลแก้ไข และปรับปรุงกฎหมาย เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ อาทิ การมีระเรีบบขนส่งสาธารณะ ความปลอดภัยของสินค้าบริการ รวมถึงอาหาร การจัดระเบียบบริการสาธารณะต่าง ๆ เป็นต้น “เสียงของผู้บริโภค:การเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม เนื่องในวันสิทธิผู้บริโภคสากล 2568 โดยขอให้รัฐดำเนินการ เสนอหน่วยงานรัฐแก้ไข – ปรับปรุงกฎหมาย เพื่อพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านต่าง ๆ อาทิ ออกกฏหมายให้ผู้บริโภคสามารถเปลี่ยนหรือซ่อมสินค้าใหม่ที่ชำรุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การจัดการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงทุกพื้นที่ห่างไกลในราคาที่เป็นธรรม ให้ประชาชนสามารถหาซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม จัดให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย สร้างกลไกการดูแลผู้บริโภคให้กระจายไปทุกพื้นที่ เป็นต้น

นางสาวบุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดงานครั้งนี้คือการยกระดับสิทธิผู้บริโภคไทยให้ทัดเทียมระดับสากล และส่งเสริมให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการบริโภคที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายเอสดีจี (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ประกาศโดยสหประชาชาติ ในข้อที่ 12 เรื่องแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน ภายในงานมีการระดมความคิดเพื่อจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านต่างๆ ทั้งด้านการสร้างบ้านเมืองที่เป็นธรรม ระบบอสังหาริมทรัพย์ ระบบขนส่งในเมือง การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของเยาวชนในโรงเรียน รวมถึงการส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืนในโรงเรียน การจัดการขยะ และการสร้างสุขภาวะที่ดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของนักเรียน
บุญยืน กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาผู้บริโภคกำลังผลักดันร่าง พ.ร.บ.ความรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่อง หรือ ‘เลม่อน ลอว์’ ที่จะช่วยผลักดันการบริโภคที่ยั่งยืนและลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเป็นความรับผิดของผู้ผลิตในการให้ผู้บริโภคนำสินค้าที่เสียหายไปขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้ากับผู้ผลิตได้โดยตรงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งกฏหมายฉบับนี้จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากกว่ากฎหมายปัจจุบัน ทั้งนี้ ในขณะที่ผู้บริโภคเองต้องรับผิดชอบต่อการบริโภค ผู้ผลิตเองก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะอำนวยความสะดวกสนับสนุนการผลิตสินค้าที่ยั่งยืนด้วยเช่นกัน
“ผู้บริโภคต้องรวมตัวกันอย่างมีพลังเพื่อให้เกิดสังคมที่เป็นธรรม พลังของการรวมตัวของผู้บริโภคจะสามารถสร้างการเปลี่ยนผ่านได้ สังคมที่เป็นธรรมจะเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือของผู้บริโภคทุกคน อยากให้ทุกคนเริ่มที่ตัวเองก่อนและเริ่มได้เลยในวันนี้” นางสาวบุญยืนกล่าว
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า วันที่ 15 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสิทธิผู้บริโภคสากล ซึ่งประเด็นสำคัญในการผลักดันขององค์กรผู้บริโภคทั่วโลกในปีนี้คือ “การบริโภคที่ยั่งยืน” หลังจากการจัดงานวันสิทธิผุ้บริโภคประจำปี 2568 ในวันที่ 14 – 15 มีนาคม 2568 ที่ประชุมมีความเห็นว่าประเทศไทยยังมีนโยบายที่ไม่เพียงพอในการสนับสนุนให้ผู้บริโภคเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเรื่องสำคัญอย่างการลดการใช้พลังงานฟอสซิลและการหันมาใช้พลังงานทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมและเป็นธรรม
“หากเราไม่ใช้รถส่วนตัว เราแทบจะใช้ชีวิตนอกบ้านไม่ได้เลย ไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพมหานคร แต่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยปัญหาเชิงนโยบาย คือ งบประมาณส่วนใหญ่ยังคงถูกใช้ไปกับการสร้างถนน แทนที่จะเป็นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนงบประมาณในการจัดการปัญหาฝุ่นพีเอ็มสองจุดห้า (PM2.5) ซึ่งเป็นวิกฤตใหญ่ของประเทศมีเพียง 0.003% ของงบประมาณแผ่นดิน หรือเพียง 95 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีงบประมาณเพียง 59 ล้านบาทสำหรับการจัดการปัญหาฝุ่นที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชน” นางสาวสารีกล่าวและว่า ปัญหามลพิษทางอากาศนี้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวเนื่องจากขาดระบบขนส่งสาธารณะที่ทั่วถึง แต่มลพิษเหล่านี้กลายเป็นปัญหาสุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

นางสาวสารี กล่าวอีกว่า เสียงสะท้อนจากนำไปสู่แรงบันดาลใจว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องรอนโยบายจากภาครัฐ แต่สามารถลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง โดยเราสามารถใช้เงินของเราให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เลือกสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เงินของเราจะไปกำหนดผู้ผลิตและผู้ขายเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสาธารณะ ซึ่งมีตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมจากภาคใต้ มีการสร้างระบบเงินหมุนเวียนระหว่างกลุ่มเกษตรกรรายย่อยกับโรงพยาบาลและชุมชน ซึ่งเป็นโมเดลที่สามารถขยายผลได้ทั่วประเทศ แต่ยังขาดการสนับสนุนงบประมาณทั้งจากภาครัฐและผู้บริโภค
สภาผู้บริโภคยังเสนอแนวคิดให้รัฐบาลนำงบประมาณที่ใช้จ่ายเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้าสำหรับผู้มีรายได้น้อยประจำเดือน ไปสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเป็นระบบแทน อีกทั้งปัจจุบันสภาผู้บริโภคผลักดันโครงการ “ก๊วนหิวแสง” เพื่อส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในราคาที่เข้าถึงได้ หลังจากพยายามผลักดันให้รัฐบาลลดอุปสรรคในการติดตั้งโซลาร์เซลล์มาหลายปีแต่ไม่ได้รับการตอบรับ จึงอยากชวนผู้บริโภคโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมาสมัคร หากรวมกลุ่มได้หลายราย อาจจะสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ในราคาที่ถูกลง
นอกจากนี้ ภายในงานภาคีเครือข่ายผู้บริโภคจากภาคต่าง ๆ ยังร่วมกันเสนอข้อเรียกร้องนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 ข้อ ดังนี้
1) เสนอให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคผลักดันกฎหมายเลม่อนลอว์ ให้ผู้บริโภคสามารถซ่อม เปลี่ยนสินค้าที่มีความชำรุดบกพร่องโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และกำหนดให้สภาผู้บริโภคเป็นองค์ประกอบในโครงสร้างคณะกรรมการ เพื่อให้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการ
2) เสนอให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ปรับปรุงและยกระดับมาตรฐานสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และสินค้านำเข้าทุกประเภทให้มีความปลอดภัย สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตสินค้าที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3) เสนอให้ภาครัฐเป็นกลไกสำคัญให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองอย่างยั่งยืนและทั่วถึงไม่กระจุกเฉพาะบางพื้นที่ อยากให้ภาครัฐสนับสนุนผู้บริโภคในพื้นที่อื่น รวมถึงช่วยผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ยั่งยืนลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงทั้งเรื่องอุปกรณ์ราคาถูก วัสดุสะอาดปลอดภัย เพื่อให้ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ สะอาดยั่งยืน
4) เรียกร้องให้รัฐช่วยผลักดัน พ.ร.บ.ความรับผิดชอบต่อความชำรุด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน
5) เรียกร้องให้รัฐสนับสนุนนโยบายขนส่งสาธารณะให้ทุกคนเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งในเมืองและต่างจังหวัด โดยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องเข้ามามีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังมีเรื่องนโยบายที่อยู่อาศัยอยากให้รัฐกำหนดพื้นที่สร้างบ้านราคาถูกได้มาตรฐาน จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อผู้มีรายได้น้อยเนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรจะได้
6) ขอให้เร่งจัดระเบียบสายสื่อสาร โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆแบบไร้สายเข้ามาปรับปรุงแก้ไข เพื่อความปลอดภัยในการสัญจร
7) ให้มีพัฒนาเรื่องอาหารปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนช่วยสนับสนุนเกษตรกรรมที่ยั่งยืน มีกระบวนการที่ได้มาตรฐานสากล รวมถึงการควบคุมคุณภาพตู้น้ำให้ได้มาตรฐาน พร้อมมีสถานที่ติดตั้งที่เหมาะสม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภค