ผถห. TWPC ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.134 บ./หุ้น เดินหน้าธุรกิจใหม่ “ไบโอพลาสติก”
นาย โฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยวา (TWPC) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ประชุมสามัญ ผู้ถือหุ้นใหญ่ประจำปี 2564 ได้อนุมัติให้จัดสรรเงินกำไรสะสม สำหรับงวดสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.134 บาทต่อหุ้น สำหรับจำนวนหุ้น 880,420,930 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 117,976,404.62 บาท บริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564
“การดำเนินธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตระดับ double digit เนื่องจากทั้ง 3 ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) คาดว่าปริมาณการขายสามารถเติบโตได้ระดับ double digit สอดคล้องกับอุตสาหกรรม ที่ยังมีความต้องการสินค้าที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาขายที่มีการปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ธุรกิจอาหารยังสามารถรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯ คาดว่าในปีนี้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นน่าจะดีขึ้นด้วย ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการแป้งมันสำปะหลังมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนหลังจากเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้ราคาขายแป้งมันสูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนหัวมันค่อนข้างคงที่ ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้รุกขยายส่งออกแป้งมันไปตลาดอินโดนีเซีย โดยเน้นเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) ให้สูงขึ้น ดังนั้นจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนการส่งออกในธุรกิจอาหารปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ใกล้เคียง 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 16% ขณะที่การส่งออกแป้งมันสำปะหลัง จะมีสัดส่วน 75-80%
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนเดินหน้าธุรกิจใหม่ โดยผลิตสินค้าประเภท “ไบโอพลาสติก” ซึ่งเป็นผลผลิตจากพืชผลทางการเกษตร และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% เพื่อนำไปใช้ในรูปแบบประเภทสินค้าแพ็คเกจจิ้ง และของใช้ในการเกษตรทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงปลายปีนี้ และทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้แต่จะรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 300-350 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ในการซ่อมบำรุงประจำปี และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการเพิ่มกำลังการผลิตในผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) เป็นต้น