จับตาแก้กม. คุมเหล้าเบียร์ต้องดีกว่าเดิม แนะธุรกิจให้อยู่ในกติกาเดียวกัน ยันน้ำเมามีผลต่อการระบาดโควิด-19
เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา จัดเวทีเสวนา watch talk online เรื่อง “ภัยคุกคามและความท้าท้ายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” โดย นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา กล่าวว่า การมีพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. 2551 ทำให้การค้าขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นที่เป็นทาง มากขึ้น การควบคุมมีประสิทธิภาพจนทำให้ธุรกิจแอลกอฮอล์ต้องปรับตัว แต่ยังทำตัวเป็นศรีธนญชัย สร้างสิ้นค้าที่มีแบรนด์ใกล้เคียงกับแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อโฆษณาทดแทน หลบเลี่ยงกฎหมาย จึงเป็นเรื่องท้าทายที่ต้องทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภาคประชาชนต้องช่วยสอดส่อง ตรวจสอบ กดดัน อุดช่องว่างการส่งเสริมการขายที่ภาครัฐเข้าไม่ถึงหรือก้าวข้ามไป ไม่ทันการสื่อสารใหม่ๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ และจับตาการเจรจราการค้าระหว่างประเทศทั้ง CPTPP และ FTA ไทย – อียู ซึ่งขอยืนยันว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าทำลายสุขภาพ ขายได้แต่ไม่ควรลดหรือปลอดภาษี และไม่ยอมให้ธุรกิจสุราแทรกแซงนโยบายของรัฐไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ถ้ารัฐบาลยอมก็แสดงว่ารัฐส่งเสริมสินค้าทำลายสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ประชาชน
นายคำรณ กล่าวว่า ส่วนกรณีภาคธุรกิจล่ารายชื่อพร้อมเสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกออฮอล์นั้น เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ต้องแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่เคยมีกฎหมายฉบับไหนที่แก้แล้วแย่กว่าเดิม และไม่ควรให้ธุรกิจที่มีส่วนได้เสีย เป็นผู้เสนอแก้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์กับตนเอง ซึ่งภาคประชาชนรับไม่ได้ นี่เป็นกฎหมายควบคุมเพื่อลดปัญหาลดผลกระทบ มิใช่กฎหมายส่งเสริมการขายสินค้าที่สร้างปัญหาทุกมิติกับสังคม โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รอบ 3 นั้น มีหลักฐานชัดเจนอยู่แล้วว่า แอลกอฮอล์ทำลายภูมิต้านทาน ทำให้วัคซีนได้ผลน้อยลง และการระบาดมาจากวงเหล้า เมาแล้วครองสติไมได้ ทำลายระยะห่างหรือมาตรฐานการควบคุมโรค ทั้งนี้ต้องชื่นชมรัฐบาลที่มีการสั่งปิดสถานบันเทิงในพื้นที่ระบาด แต่ภาครัฐก็ต้องเยียวยาเขาด้วยเช่นกัน สิ่งสำคัญคือ อยากเห็นธุรกิจแอลกอฮอล์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในช่วงโควิด ด้วยการจัดหาวัคซีน หรือมีกองทุนให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับร้านเหล้าผับบาร์ ซึ่งก็คือคนที่สร้างความมั่งคั่งทางธุรกิจให้กับบริษัทคุณมายาวนาน ควรยื่นมืออกไปดูแลเขาบ้างในยามนี้ และสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยคือการที่ธุรกิจแอลกอฮอล์ค่ายใหญ่มีรายได้เป็นแสนๆ ล้านบาท ยังมาขอใช้สิทธิพิเศษเรื่องวัคซีนกับทางมหาดไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสังคมรับไม่ได้
ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 กล่าวว่า หลังการบังคับใช้พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วง 5 ปีหลัง ช่วยแก้ปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปได้พอสมควร ต้องชื่นชมคณะกรรมการร่างกฎหมาย ที่เขียนเอาไว้ครอบคลุมไปถึงการโฆษณาโดยใช้ตราเสมือนต่างๆ แค่การเปลี่ยนอักษร 1 หรือ 2 ตัวแรก ถ้าสื่อถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ศาลก็เคยตัดสินว่าผิดมาแล้ว ขณะนี้มีการออกกฎหมายอนุบัญญัติ ห้ามการขายผ่านออนไลน์ เพราะกลไกออนไลน์ทำให้คุมได้ยากทั้งเรื่องอายุคน ช่วงเวลา และสถานที่ซื้อได้ เช่น ถ้าเด็กเยาวชนเอาบัตรเครดิตผู้ปกครองมาก็สั่งซื้อในโรงเรียนได้ เป็นต้น ดังนั้นการบังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ท้าทาย ส่วนที่มีการล่ารายชื่อให้แก้ไข พรบ. ของฝ่ายธุรกิจนั้นก็มีหลายประเด็นที่น่าตกใจ เช่นเสนอยกเลิกการห้ามโฆษณาตามมาตรา 32 เดิม มาเป็นห้ามการโฆษณาอันเป็นเท็จ ซึ่งตรงนี้มีกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่ควบคุมไว้อยู่แล้ว เสนอให้คนของฝั่งธุรกิจเหล้าเบียร์เข้ามาเป็นกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เสนอตัดมาตรการควบคุมการส่งเสริมการขาย ลดแลกแจกแถมให้กลับมาทำได้ ณ จุดขาย และที่เศร้าใจมากคือการเสนอให้ขายเหล้าเบียร์ในมหาวิทยาลัยได้ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดต่อมโนสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยิ่ง ซึ่งไม่น่าจะมีคนเห็นด้วยแน่
นพ.สมาน กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมามายังพบความพยายามในการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามาตรา32 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งศาลวินิจฉัยชัดเจนว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพอยู่บ้าง แต่เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสังคมคุ้มครองผู้บริโภค ในการจัดระเบียบการประกอบอาชีพและไม่ได้เลือกปฏิบัติกับรายใดรายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จริงๆมาตรา 32 วรรคแรกเป็นการห้ามเด็ดขาดก็จริง แต่ก็ยังมีวรรค 2 ที่สามารถทำได้แต่ต้องทำในกรอบกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แต่ไม่ยอมทำกันแล้วมาบิดเบือนโจมตีทำให้สังคมเข้าใจผิดกันไปมาก การแก้ไขกฎหมายต้องทำให้ดีขึ้นถ้ายังดันทุรังผลักดันกฎหมายที่อ่อนด้อย ไม่เกิดประโยชน์ ถึงจะล่ารายชื่อได้กว่าหมื่นราย แต่ตอนออกกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนมากกว่า13 ล้านราย ขอให้ท่านมาอยู่ในกฎเกณฑ์กติกาเดียวกันดีกว่า
“ในฐานะที่เป็นแพทย์และเป็นนักระบาดวิทยา ยืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะโควิด -19 คนที่ดื่มจะกดภูมิทุกอย่างให้ต่ำ ทำให้ติดเชื้อง่าย คนที่ตับแข็ง ดื่มเหล้ามากๆ ต้องเข้ารับการรักษาเป็นกรณีพิเศษ และใช้เวลารักษาโควิดนานกว่าคนปกติ และมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนปกติธรรมดาที่ไม่ได้ดื่ม ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่ำรวยจากผู้ให้บริการร้านเหล้าผับบาร์ เมื่อผับบาร์ ได้รับผลกระทบจากโควิด ธุรกิจนี้ควรเข้าไปมีส่วนช่วยเยียวยาเขาด้วย ทราบมาว่าตอนนี้ยากลำบากกันมาก ซึ่งน่าเห็นใจอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะให้ดีคือบริษัทท่านต้องทำตามกฎหมายบ้านเมือง และระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม” นพ.สมาน กล่าว