“ซีพี ออลล์” เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน คาดเสนอขาย พ.ย.นี้
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีพี ออลล์” เตรียมออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ”) ชุดใหม่ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งที่ 1/2559 ของบริษัทฯ ที่ซีพี ออลล์ มีแผนจะใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดในช่วงปลายปีนี้ โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลกับสำนักงาน ก.ล.ต. และมีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งที่ 1/2559 ชุดเดิม และผู้ลงทุนทั่วไป คาดว่าจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิมจองซื้อได้ระหว่างวันที่ [10-12] พฤศจิกายน 2564 และผู้ลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ [22-26 และ 29] พฤศจิกายน 2564 ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราผลตอบแทนและจะแจ้งรายละเอียดการจองซื้อให้กับผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งที่ 1/2559 และผู้ลงทุนทั่วไปให้ทราบในภายหลัง
สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งที่ 1/2559 นั้น มีข้อกำหนดที่บริษัทฯ สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด หรือ call option ได้ใน
วันแรกคือวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ บริษัทฯ จึงมีแผนจะใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ดังกล่าวก่อนกำหนด และออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่มาทดแทน เพื่อทำให้บริษัทฯ มีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมและมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อไป ตามมาตรฐานบัญชีฉบับปัจจุบันที่บริษัทฯ สามารถนับหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่นี้เป็นส่วนของทุนทางบัญชีได้ทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้สิทธิจองซื้อแก่ผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิมได้จองซื้อด้วย นับเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
“หุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ‘ซีพี ออลล์’ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงและต้องการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ ‘ซีพี ออลล์’ ที่จะออกเสนอขายในครั้งนี้ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรที่ระดับ ‘A+’ แนวโน้ม ‘คงที่’ และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ที่ระดับ ‘A-’ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ซึ่งสะท้อนถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ที่มีความมั่นคงภายใต้อุตสาหกรรมที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ มุ่งสู่การให้บริการผ่านออนไลน์ด้วยกลยุทธ์แบบ O2O ที่ผสมผสานช่องทาง Omni-Channel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งการให้บริการผ่านออลล์ ออนไลน์ (ALL Online) ที่เน้นแนวคิด สะดวก ครบ จบที่เดียว รวมถึงบริการเดลิเวอรี่ของ ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ (7-Eleven Delivery) ที่จัดส่งสินค้าถึงบ้าน ผ่านทางแอปพลิเคชัน เพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอีกด้วย” นายเกรียงชัยกล่าว
ทั้งนี้ “ซีพี ออลล์” เป็นผู้ประกอบธุรกิจหลักในการบริหารร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายกระจายครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัด ซึ่งมุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการที่สะดวกสบาย หลากหลาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าและบริการ ภายใต้แบรนด์ “เซเว่น อีเลฟเว่น” โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีสาขา “เซเว่น อีเลฟเว่น” เปิดให้บริการ 12,743 สาขาทั่วประเทศ โดยภายในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 700 สาขา รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาและประเทศลาว หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งล่าสุด เพิ่งได้มีการเปิดร้าน 7-Eleven สาขาแรก ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน “ซีพี ออลล์” กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าบริษัทฯ จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจ แต่ “ซีพี ออลล์” สามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับความผันผวนดังกล่าว พร้อมๆ กับมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางพัฒนาเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จโดยได้รับการยอมรับจากหน่วยงานระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีกระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำด้านองค์กรความยั่งยืน อันดับ 1 ของกลุ่ม World Index ประเภท Food & Staples Retailing Industry ในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกในดัชนีหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปี 2564 นี้ บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนี FTSE4 Good Index ใน Food Retailers & Wholesalers ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของ “ซีพี ออลล์”
นอกจากนี้ นิตยสารไฟแนนซ์เอเชีย (FinanceAsia) สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำซึ่งได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค ในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวสาร และข้อมูลเชิงลึกด้านการเงิน และตลาดทุนขององค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ประกาศรายชื่อสุดยอดบริษัทแห่งเอเชีย ประจำปี 2564 (FinanceAsia Asia’s Best Companies 2021) ซึ่งบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับการยกย่องในฐานะสุดยอดองค์กรถึง 3 ด้าน ประกอบด้วย บริษัทจดทะเบียนที่มีการบริหารงานยอดเยี่ยม (Best Managed Listed Company) บริษัทที่มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคมยอดเยี่ยม (Most Committed to Social Causes) และบริษัทด้านนักลงทุนสัมพันธ์ ยอดเยี่ยม (Best Investor Relations) และล่าสุด Institutional Investor LLC ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยนักลงทุนสัมพันธ์ และเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลทางธุรกิจโดยมุ่งเน้นด้านการเงินระหว่างประเทศเป็นหลัก ที่ได้รับการยอมรับมากว่า 50 ปี ได้ประกาศผลรางวัล Institutional Investor (II Awards) ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นรางวัลที่ยกย่องบุคคล และบริษัทที่เป็นเลิศในด้านการบริหารการเงิน โดยในปีนี้บริษัทฯ คว้าไปถึง 3 รางวัล ได้แก่ Honored Companies ที่มอบให้กับ “ซีพี ออลล์” รางวัล Best CFO และ รางวัล Best IR Program
“ด้วยความมั่นคงและโอกาสในการเติบโตของ ‘ซีพี ออลล์’ ภายใต้ความร่วมมือของสถาบันการเงินชั้นนำทั้ง 7 แห่ง ที่ทำหน้าที่จัดจำหน่ายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ ทำให้เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่สนใจได้เป็นอย่างดีเหมือนกับการเสนอขายหุ้นกู้ทุกครั้งที่ผ่านมา” นายเกรียงชัยกล่าว
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ครั้งที่ 1/2559 ที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ ติดต่อได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
และสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงิน ดังนี้
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777
บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-165-5555
* ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)