“NIA”ชี้ภาพรวมการลงทุนธุรกิจสตาร์ทอัพ เม็ดเงินสะพัด 300 ลบ.
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยความสำเร็จของงานสตาร์ทอัพและอินโนเวชั่น ไทยแลนด์ เอ็กซ์โป 2021 (STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2021) ภายใต้แนวคิด “DEEP TECH RISING …The Next Frontier of Innovation” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-18 กันยายน ที่ผ่านมาว่า เป็นเวทีที่ได้สร้างปรากฏการณ์การรวมพลังของเหล่าสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech Startup) ชั้นนำมากทีสุดของประเทศไทย ได้โชว์ศักยภาพผลงานด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีเชิงลึกในการเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า และบริการให้กับภาคอุตสาหกรรม และยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักของประเทศให้ก้าวขึ้นเทียบเท่าระดับสากล
เมื่อโลกก้าวสู่วิถีใหม่ งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2021 ได้พัฒนาและปรับรูปแบบจากงานอีเว้นท์กายภาพด้านสตาร์ทอัพและนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มาสู่โลกออนไลน์เป็นงานในรูปแบบอีเว้นท์นวัตกรรมเสมือนจริง หรือ Virtual Innovation Event ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ฝีมือสตาร์ทอัพไทย เป็นการพลิกโฉมปรากฏการณ์ใหม่ของธุรกิจไมซ์ (MICE) ที่ก้าวข้ามทุกรูปแบบของงานออนไลน์ที่เคยจัดมา ด้วยการนำเทคโนโลยีเสมือนจริง (Immersive) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้บนแพลตฟอร์ม เนรมิตโลกนวัตกรรมเสมือนจริง สร้างการเชื่อมโยงและปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เข้าชมงานและผู้จัดงาน เหมือนเดินชมงานในสถานที่จริง สร้างช่องทางเข้าถึงเปิดประสบการณ์ชมงานแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ผ่านกราฟิกแทนตัวบุคคล หรือที่เรียกว่า Avatar
ตลอด 4 วันของการจัดงาน ได้รับกระแสการตอบรับการจัดงานจากทั่วโลก มีผู้เข้าร่วมงานมากถึง 69,700 คน และเกิดการมีส่วนร่วม (Engagement) มากกว่า 181,000 ครั้ง โดยเป็นผู้เข้าร่วมชมงานจากต่างประเทศมากถึง 14,720 คน มี 4 ประเทศที่เข้าชมงานสูงสุด ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และจีน รวมทั้งมีสถิติการรับชมงานผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของ NIA และ Startup Thailand ที่มากถึง 5 ล้านคน
อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด DeepTech Rising ของงานในปีนี้ คือ การเข้าชมงานและมีส่วนร่วมกับงานจากคนไทย มากถึง 55,000 คน ทั้งที่เป็นเนื้อหาใหม่ และยากที่จะเข้าใจ ซึ่งการประมวลผลของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แสดงว่า ความสนใจของคนไทยพุ่งเป้าไปที่เทคโนโลยีเชิงลึก (DeepTech) มากขึ้น โดยเฉพาะด้านเกษตร (AgTech) อาหาร (FoodTech) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนสําหรับบุคคล (AI Robotic Immersive IoT: ARI-Tech)
ทิศทางและแนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก ของไทย ได้รับการบอกเล่าและแบ่งปันประสบการณ์ผ่านวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิกว่า 80 คนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและสตาร์ทอัพ ที่มาพร้อมการนำเสนอผลงานและนวัตกรรมเชิงลึกฝีมือคนไทย พร้อมข้อเสนอแนะในการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึกของไทยว่าจะเดินหน้าไปต่ออย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า 1) ส่งเสริมการลงทุนในการพัฒนาสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการนวัตกรรม 2) ส่งเสริมและพัฒนาการวิจัยด้านเทคโนโลยีเชิงลึก และนำผลงานวิจัยไปต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ 3) พัฒนาคนตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเยาวชนให้มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ สร้างสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม โดยโอกาสได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ….. ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และเมื่อมีการประกาศใช้จะเกิดกลไกสร้างความสมดุลและสิทธิของเจ้าของผลงาน ช่วยส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมของนักวิจัยไทยมากขึ้น
สำหรับด้านการลงทุน ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัวการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพจาก VC, CVC ดังนั้น ตลอดปี 2564 NIA จึงได้พัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้นด้านการลงทุน เพื่อสร้างกลุ่มของนักลงทุนรุ่นใหม่ (Angel Investor) ที่สนใจในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยมีความพร้อมของเงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ถือเป็นการเริ่มต้นการระดมทุนจากนักลงทุนรุ่นใหม่ของไทยทั่วประเทศ
จากผลตอบรับและการมีส่วนร่วมของงานในปีนี้ ที่มีผู้เข้าชมงานจากนานาประเทศมากถึง 14,720 คน โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีมากถึง 13,000 คน ทำให้งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2021 ก้าวเข้าสู่การเป็นงานในระดับนานาชาติ ถือเป็น Regional Virtual Innovation Event ในระดับภูมิภาคเอเชีย
ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อวันนี้โลกเปลี่ยนเข้าสู่วิถีใหม่เป็นก้าวต่อไปของโลกออนไลน์ การกลับไปในวิถีเดิม คงจะเป็นไปได้ยาก ความคุ้นเคยของผู้คนได้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่คุ้นชินกับการเข้าถึงโลกออนไลน์ ‘นวัตกรรม’ จะมาช่วยสร้างสรรค์และเชื่อมการเข้าถึงโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น มากขึ้น อย่างไร้พรมแดน ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดประเทศเพื่อกลับไปสู่การเชื่อมโยงทางสังคม ธุรกิจ และการค้าอีกครั้ง ดังนั้น ทิศทางต่อไปในอนาคตของงาน SITE จึงต้องได้รับการพัฒนาต่อยอดแพลตฟอร์มเพื่อสร้างแรงดึงดูดและโอกาสการเข้าถึงของผู้คนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดโลกนวัตกรรมของไทยสู่สากลอีกครั้ง “นวัตกรรม” จะทำให้ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน งาน Startup x Innovation Thailand 2022 จึงขอประกาศความพร้อมของการเป็น GLOBAL INNOVATION CITY, Reconnecting to the World